วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

10 อันดับ เพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

พอดีได้ดูหนังเรื่อง Blood Diamond ที่ ดิ คาปริโอ เล่นนะครับแล้วเกิดอยากรู้เรื่องเพชรขึ้นมา ว่าเม็ดเล็กๆ
นี้มีความสำคัญกับคนทางแถบแอฟริกาขนาดไหน ถึงกับต้องมีการฆ่าล้างกัน เพื่อเพชรเพียงเม็ดเดียว
เพราะ10 อันดับนี้ เป็นเพชรน้ำงามจากแอฟริกาส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นที่ๆมีการขุดเพชรมากที่สุดในโลก จะไป
ติดตามกันนะครับ และดูอันดับ1ให้ดีๆนะครับว่าอยู่ที่ใด..



อันดับ 10 - The Millennium Star

หนัก 203.04 กะรัต ก้อนก่อนเจียระไน หนักถึง 777 กะรัต พบในปี 1990 ที่สาธารณรัฐซาเอีย (ตอนกลางของแอฟริกาครับ)
ราคาไม่สามารถประเมินได้ แต่วงประกันสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์เลย..



อันดับ 9 -- The Red Cross

เพชรสีเหลือง น้ำหนัก 205.07 กะรัต ก่อนเจียระไนหนัก 375 กะรัต พบที่เหมืองคิมเบอร์ลีย์ (แอฟริกาตอนใต้) ปี 1901
ส่วนชื่อเพชรมาจาก the British Red Cross Society



อันดับ 8 – The De Beers

พบที่เหมืองคิมเบอร์ลีย์ปี 1888 น้ำหนักก่อนเจีย 428.50 กะรัต เส้นผ่าศุนย์กลางวัดได้ถึง 47.6 มิลลิเมตร หลังเจียรหนัก
234.65 กะรัต Maharaja of Patiala ทรงซื้อเพชรนี้ไปในงานแสดงที่ปารีส ซึ่งในปี 1928 Cartier ได้รับเกียรติให้นำเพชร
มาทำเป็นสร้อยคอชื่อ the Patiala Necklace ซึ่งสร้อยคอนี้มีเพชรอื่นๆนำมาประดับด้วยถึง2,930ชิ้น น้ำหนักรวม 962.25 กะรัต
ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าเพชรนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ไหน (unknown) หรืออยู่ที่ใคร



อันดับ 7-- The Jubilee

เพชรไม่มีสี น้ำหนักหลังเจียร 245.35 กะรัต (ก่อนเจียร 650.80 กะรัต) ถูกพบในเหมือง Jagersfontein Mine ในปี 1895
ถือว่าเป็นเพชรที่มีบริสุทธิ์มาก ในตอนแรกเพชร(the Diamond Jubilee of Queen Victoria)นี้จะถูกถวายให้กับสมเด็จพระ
นางเจ้าวิคตอเรีย แต่ก็ถูกล้มเลิกไป (ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่กับเจ้าของ) ต่อมาเพชรถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น The Julibee เพื่อระลึก
ถึงวโรกาสในงานเฉลิมฉลองคพระชนม์มายุครบ 75 พรรษาของพระราชินี (สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียพระราชินีปกครองประ
เทศอังกฤษในช่วงปีค.ศ 1819-1901 และปกครองอินเดียในช่วงปีค.ศ 1876-1901)



อันดับ 6 -- The Centenary

ถูกพบในเหมืองพรีเมียร์ในปี 1986 น้ำหนักก่อนเจียระไน 599 กะรัต หลังเจียหนัก 273.86 กะรัต (39.90 × 50.50 × 24.55 mm)
มีมุมทั้งหมด 247 มุม (ไม่เคยมีใครเจียได้มุมเยอะมากขนาดนี้มาก่อน) ซึ่งทำให้เพชรส่องประกายแวววาวเป็นพิเศษ(ถูกใจไฮโซ
อีกแล้ว) มูลค่าของเพชรไม่สามารถประเมินได้แต่มีวงประกันมากถึง 100 ล้านดอลลาร์ ในปี 1991



อันดับ 5 -- The Spirit of de Grisogono

น้ำหนักเพชร 312.24 กะรัต (น้ำหนักก่อนเจีย 587กะรัต) ถือว่าเป็นเพชรสีดำที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของบรรดา
เพชรด้วยกัน) ประดับด้วยทองคำขาวและเพชรสีขาวน้ำหนักรวมถึง 36.69 กะรัต ถูกพบเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้วที่ตอนกลาง
ทางตะวันตกของแอฟริกาก่อนที่จะนำเข้ามาที่สวิตเซอร์แลนด์



อันดับ 4 -- The Cullinan II

เพชรเม็ดโตขนาด 317.40 กะรัต ซึ่งประดับอยู่บนมงกุฏ the Imperial State Crown of Great Britain เพชรนี้ถูกแบ่งออกมา
จากเพชรก้อนเดิมน้ำหนัก 3106 กะรัต หรือน้ำหนัก 1 1/3 ปอนด์ (O_o ใหญ่โตอะไรจะปานนี้โฮะๆๆ) ชื่อของ เพชรถูกตั้งให้
เป็นเกียรติแก่ Sir Thomas Cullinan ผู้บุกเบิกเหมืองที่ค้นพบเพชรนี้



อันดับ 3 -- The Incomparable

น้ำหนัก 407.48กะรัต เพชรก่อนเจียหนัก 890 กะรัต ถูกพบที่เมือง Mbuji Mayi สาธารณรัฐคองโกในปี 1980 เพชรที่บริสุทธิ์
และไม่มีตำหนิเลย วัดได้ 53.90 × 35.19 × 28.18 mm.



อันดับ 2 -- The Cullinan I - aka the Star of Africa

เพชรทรงลูกแพร์น้ำหนัก 530.20 กะรัต (53x44x29 mm.) ได้ชื่อว่าเป็น the Star of Africa ถูกเรียกว่า Cullinan I เพราะตัด
แบ่งมาจากก้อน 3106 กะรัต (ก้อนเดียวกับที่ตัดแบ่งเพชรอันดับที่ 4 ของโลก) เพชรนี้ถูกนำมาประดับมงกุฏพระราชาเอ็ดเวิร์ด
ปัจจุบันถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่ the tower of London มูลค่าของเพชรโดยประมาณอยู่ที่ 400 ล้านดอลลาร์


มาถึงแล้วกับเพชรใหญ่อันดับหนึ่งของโลก โฮะๆๆๆ ถึงรวยแค่ไหนใครก็ไม่กล้าครอบครอง


อันดับ 1 -- The Golden Jubilee

เพชรสีทอง O_o น้ำหนัก 545.67 กะรัต เป็นเพชรน้ำงาม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกพบที่เหมืองพรีเมียร์ทางแอฟริกาตอนใต้
ปี 1985 เพชรนี้ถูกนำมาถวายให้กับกษัตริย์ของไทย (ในหลวงของเรานี่เอง แหมคาดกันไม่ถึงเลยใช่มั๊ยละครับ)ในปี 1997
เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษกครองราชย์ครบ 50 ปี ชื่อของเพชรเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า the Unnamed Brown



ขอบคุณที่มาโดย นางร้ายไฮโซ จาก myspace

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

10 อันดับสุดยอดสวนสนุกของโลก

จะแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับ 10 สุดยอดสวนสนุก ของโลก ที่เด็กเที่ยวได้ และผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็เที่ยวดี
สักวันจะไปเที่ยวให้ครบทั้ง10 ที่ให้ได้เลย ถ้าสังขารเอื้ออำนวย..ฮ่าๆ

อ่านเรื่องนี้แล้วก็ไม่ต้องอิจฉาประเทศอื่นเค้าหรอกนะครับ เพราะถึงแม้ว่าสวนสนุกของบ้านเรา เมืองเราจะไม่มี
ติดอันดับอยู่เลย ก็ไม่เป็นไรครับ ดรีมเวิลด์ หรือสวนสยามก็เราก็ยังน่าเที่ยวอยู่นะ พาเด็ก ๆ ในบ้านไปเที่ยว
สวนสนุกกันนะครับ ส่วนผู้ใหญ่ที่คิดจะไปเที่ยวสวนสนุกแล้วตีตั๋วเล่นเครื่องเล่นที่ให้ความตื่นเต้น หวาดเสียว
กันแล้วล่ะก็ อย่าลืมกุมหัวใจของคุณไว้ให้ดีล่ะ



10. ซีเวิลด์ (SeaWorld)

สวนสนุกซีเวิลด์เกิดจากแนวคิดของศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย 4 คน ที่ต้องการสร้างร้านอาหารที่มีบรรยากาศแบบทะเลๆ แต่แทนที่ลูกค้า
จะได้ทานปลาเป็นอาหาร พวกเขากลับพลิกแพลงให้ลูกค้าได้ชมปลาว่ายวนไปมารอบๆ ตัวแทนสวนสนุกซีเวิลด์แห่งแรกเกิดขึ้นที่ซานดิเอโกในปี
2507 จากนั้นก็มีเพิ่มขึ้น จนกระทั่งมีจำนวนถึง 3 แห่งในปัจจุบัน นอกจากที่ซานดิเอโกแล้วก็ยังมีอีกที่เมืองออร์แลนโดรัฐฟลอริดาและเมืองซาน อัน
โทนิโอ รายการเด็ดของที่นี่คือ การแสดงสดของสัตว์น้ำแสนรู้ แน่นอนว่านักท่องเที่ยวมาที่นี่ก็ต้องเตรียมใจมาเปียก ทุกแห่งจะมีโปรแกรมสำหรับ
การทัศนศึกษาซึ่งเป็นการท่องเที่ยวแบบได้ความรู้ไปด้วยในตัว เด็กๆ สามารถเลือกโปรแกรมทั้งแบบมาเช้าเย็นกลับ และแบบค้างคืน ที่สวนสนุก
ซีเวิลด์ในออร์แลนโดยังมีโปรแกรมว่ายน้ำลึกกับปลาฉลาม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ใส่ชุดประดาน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในกรงเหล็ก ก่อนที่กรงจะถูกหย่อน
ลงสู่สระใหญ่ที่มีปลาฉลามเขี้ยวยาวว่ายวนอยู่รอบๆ



9. สวนสนุกพาราเมาท์

พาราเมาท์ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เวียคอมฯ คือคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เพราะจุดเด่นของที่นี่คือเครื่องเล่นหลาก
หลายชนิดที่มีแนวคิดมาจากภาพยนตร์ สวนสนุกของพาราเมาท์มี 5 แห่งในอเมริกาเหนือ แต่ละแห่งมีคอนเซ็ปต์เกี่ยวพันกับบริษัทในเครือเวียคอม
ที่ทำธุรกิจด้านบันเทิง เช่น บริษัทผู้ผลิตรายการการ์ตูนนิกเคิลโลเดี้ยนสวนสนุก "เกรท อเมริกา" (Great America) ของพาราเมาท์ที่ตั้งอยู่
นอกเมืองซานฟรานซิสโก มีบริเวณที่เรียกว่า นิกเคิลโลเดี้ยน เซ็นทรัล มีเครื่องเล่นหลายอย่างที่เกี่ยวพันกับรายการการ์ตูน เร็วๆ นี้มีเครื่องเล่นอีก
10 อย่างเพิ่มเข้ามา และที่สวนสนุกคิงส์ ไอส์แลนด์ของพาราเมาท์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ซินซินเนติ ก็มีเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะในความมืดที่เรียกว่า "สคูบี้
-ดู" และที่สวนสนุกคิงส์ โดมิเนียน ในรัฐเวอร์จิเนีย ก็มีเครื่องเล่นเป็นหอสูงที่ปล่อยนักท่องเที่ยวดิ่งลงมาจากความสูง 305 เมตร



8. เลโกแลนด์ (Legoland)

ตั้งอยู่ในเมืองคาร์ลส์บาด รัฐแคลิฟอร์เนีย สวนสนุกแห่งนี้มีทั้งส่วนที่จัดแสดงงานประติมากรรมที่ทำจากตัวต่อเลโก้นับ ล้านๆ ชิ้น และส่วนที่เป็น
เครื่องเล่นต่างๆ หัวใจหรือไฮไลต์ของสถานที่แห่งนี้ คือ "มินิแลนด์" ซึ่งใช้ตัวต่อเลโกมากกว่า 20 ล้านชิ้น สร้างอาคารจำลองซึ่งเป็นที่สำคัญๆ
ในสหรัฐอเมริกา เช่น ทำเนียบขาว และเมืองนิวยอร์กจำลองและทั่วทั้งสวนสนุกแห่งนี้มีการใช้ตัวต่อเลโกมากกว่า 30 ล้านชิ้น ถ้าไม่อยากเดินชม
เฉยๆ จะไปแวะหาความสนุกตื่นเต้นกับเครื่องเล่นต่างๆ ก็ได้ ที่นี่มีเครื่องเล่นมากกว่า 50 ชนิด และยังมีโรงเรียนฝึกขับรถ 1 แห่งอยู่ในนั้นด้วย
นอกจากนี้เด็กๆ ยังสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนในคอร์สที่เรียกว่า "ไมนด์สตรอม" (Mindstorms) เพื่อฝึกหัดสร้างหุ่นยนต์ คอร์สนี้ทางสวนสนุก
จัดร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาซูเส็ตส์ หรือเอ็มไอที สถานที่แห่งนี้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2542 นอกจากที่สหรัฐแล้ว สวนสนุกเลโก
แลนด์ยังมีในอีก 3 ประเทศ คือ อังกฤษ เดนมาร์ก และเยอรมนี



7. เลค คอมเพาซ์ (Lake Compounce)

อยู่ในเมืองบริสตอล รัฐคอนเนกติกัต เป็นสวนสนุกอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นแห่งหนึ่งที่สวยที่สุดในโลกเช่นกัน เพราะที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วย
ทะเลสาบและภูเขา เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2389 หรือ 150 กว่าปีมาแล้ว แต่ตอนนั้นเปิดบริการในฐานะสวนสาธารณะให้ผู้คนเข้ามาพักผ่อน
หย่อนใจ ต่อมาในปี 2540 จึงมีนายทุนรายใหม่คือบริษัทสวนสนุกเคนนีวูดฯ เข้ามาซื้อกิจการทำเป็นสวนสนุกเต็มรูปแบบผู้ที่ชื่นชอบของเก่า ของ
โบราณก็ไม่ควรพลาดรถไฟเหาะและชิงช้าสวรค์รุ่นเจ้าคุณปู่ (ปี 2454) รวมทั้งเรือจักรไอน้ำที่จะพานักท่องเที่ยวล่องชมวิวทะเลสาบ นอกจากนี้เพื่อ
เป็นการรักษาบรรยากาศ สวนสนุกของครอบครัว จึงมีบริการเสิร์ฟน้ำอัดลมฟรีตลอดทั้งวัน (ของหวานขึ้นชื่อของที่นี่เป็นขนมทอดชื่อว่า "โอรีโอ")
เครื่องเล่นใหม่ล่าสุดของ เลค คอมเพาซ์มีชื่อว่า คลิปเปอร์ โคฟ (Clipper Cove) ตั้งอยู่ในบริเวณสวนน้ำ มีทั้งเชือก ทั้งตาข่ายและกระดานหก
ให้ปีนป่ายและกระโดดกันสุดเหวี่ยง นอกจากนี้ยังมีการแสดงของการ์ตูนการ์ฟิลด์และเพื่อนพ้อง รวมทั้งละครหุ่นโชว์ด้วย ที่นี่มีเครื่องเล่นทั้งหมด
40 อย่าง ค่าผ่านเข้าประตูสำหรับผู้ใหญ่ 29.95 ดอลลาร์ และเด็ก 20.95 ดอลลาร์



6. สวนสนุกเคนนี่วูด (Kennywood)

ผู้ที่ชื่นชอบสวนสนุกแบบดั้งเดิม ที่มีขนาดพื้นที่เล็กๆ ไม่ต้องเดินกันให้เมื่อยมากนัก ก็มักจะติดอกติดใจสวนสนุกเคนนี่วูด ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่
ปี 2441 แต่เดิมสวนสนุกแห่งนี้เป็นของบริษัทการรถไฟเอกชนที่มีนายแอนดรู เมลลอน เป็นเจ้าของ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ชิงช้าสวรรค์และภัตตาคาร
แห่งหนึ่งจากยุคนั้นก็ยังคงตกทอดมาให้คนรุ่นนี้ได้เล่นและใช้บริการกัน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำคัญแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาแห่งหนึ่งด้วย
เพราะที่นี่มีมรดกทางวัฒนธรรมของอเมริกันมากมาย เช่น รถไฟเหาะรุ่นแรกๆ ที่ทำด้วยไม้ ล่องแก่งยุคแรกๆ ที่ทั้งเรือพายและเรือท่อนซุงทำจาก
ไม้จริงๆ แต่ก็ใช่ว่าที่นี่จะมีแต่ของเก่าๆ เพราะรถไฟเหาะและเครื่องเล่นยุคใหม่ที่ชวนตื่นเต้นหวาดเสียวก็มีให้เล่นกัน รวมทั้งสวนสนุกสไตล์ฮาวายที่
เรียกว่า หุบเขาแห่งภูเขาไฟ หรือ Volcano Valley ที่มีเครื่องเล่นที่เรียกว่า Big Kahuna เป็นเรือที่แล่นแบบควงสว่าน กระตุ้นต่อมอะดรีนาลินได้
เป็นอย่างดีที่นี่มีเครื่องเล่นสำหรับผู้ใหญ่ 34 ชนิด สำหรับเด็ก 14 ชนิด ช่วงฤดูร้อนมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 1 ล้านคน ค่าผ่านประตู 8 ดอลลาร์
แต่สำหรับผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ลดราคาลงเหลือ 7 ดอลลาร์ และค่าตั๋วเครื่องเล่นแบบ 1 วันเล่นได้ทุกอย่างก็เพียง 28.95 ดอลลาร์



5. สวนสนุกดิสนีย์ (Disney)

คำว่า "ดิสนีย์" กับคำว่า "สวนสนุก" นั้นแทบจะกลืนกลายเป็นคำเดียวกันไปแล้ว เพราะสวนสนุกดิสนีย์นั้น นับเป็นผู้บุกเบิกและดำเนินนโยบายการ
ตลาดที่ทำให้คนทั่วโลกได้ตระหนักรับรู้ถึงนิยามแห่งคำว่าสวนสนุก ปัจจุบันดิสนีย์มีสวนสนุก 5 แห่ง คือ สวนสนุกดิสนีย์ที่เมืองอันนาไฮม์ที่เมือง
อันนาไฮม์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (เปิดในปี 2498) สวนสนุกวอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่เมืองออร์แลนโดในรัฐฟลอริดา (เปิดในปี 2514) ที่กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่น และที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแห่งที่ 5 เปิดที่ฮ่องกงในช่วงปลายปี 2548 สวนสนุกแต่ละแห่งของดิสนีย์มีเครื่องเล่นจำนวนมากมาย
มีการแสดงและขบวนพาเหรดหลายรอบ ทั้งยังมีโรงแรม ร้านค้าและภัตตาคาร ร้านอาหารจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละแห่งมีจำนวนเครื่องเล่นใหม่ๆ
เพิ่มเข้ามาอยู่เสมอ เช่นสวนสนุกวอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่ฟลอริดา จะมีเครื่องเล่นใหม่ที่เรียกว่า Mission : SPACE at Epcot ซึ่งจำลองบรรยากาศ
การนั่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารถัดไปจะมีรีสอร์ตแห่งใหม่คือ Pop Century Resort และในก็จะมีที่เที่ยวแห่งใหม่ในบริเวณสวนสนุกแห่งนี้
คือ Epedition Everest เป็นรถไฟเหาะความเร็วสูงที่สามารถวิ่งถอยหลังได้ด้วย



4. ดิสคัฟเวอรี โคฟ (Discovery Cove)

เพิ่งเปิดเมื่อปี 2543 ตั้งอยู่ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เป็นสวนสนุกแบบสวนน้ำขนาดย่อมที่มีระบบวางผังและการจัดการดีเยี่ยม จำกัดจำนวน
นักท่องเที่ยวให้เข้าได้รอบละ 1,000 คนเท่านั้น ที่นี่จึงไม่ต้องมีการเข้าคิวเป็นแถวยาวเพื่อรอเล่นเครื่องเล่น บริการก็ทั่วถึงนักท่องเที่ยวทุกคน เพราะ
เมื่อเข้ามาภายในบริเวณแล้ว นักท่องเที่ยวแต่ละคนจะมีไกด์นำชม สวนน้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีเวิลด์ (SeaWorld) ประกอบด้วยทะเลสาบน้ำจืด
ชายหาด แนวประการัง ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงสามารถว่ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งภายในบริเวณ สวนสนุก หรือจะนั่งเรือไปก็ได้ ที่นี่ให้ทั้งความ
บันเทิงและความรู้ ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวมุ่งจะมาทำคือการได้ว่ายน้ำเคียงข้างไปกับปลาโลมา แสนรู้ นอกจากนี้ยังมีทัวร์ดำน้ำอีกด้วย ราคาแพ็กเกจ
ทัวร์เริ่มที่ 229 ดอลลาร์



3. ซีดาร์ พ้อยท์ (Cedar Point)

อยู่ที่เมืองแซนดัสกี้ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาเช่นกัน เน้นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะเป็นพิเศษสำหรับคนที่คลั่งไคล้ความรู้สึก ขยักขย้อนในกระเพาะ
เวลาที่เคลื่อนตัวเลื่อนไหลวูบวาบไปตามรางรถ ซีดาร์ พ้อยท์มีเครื่องเล่นถึง 68 ชนิด และรถไฟเหาะอีก 16 ชนิด เรียกว่ามีมากกว่าสวนสนุกอื่นใด
ในโลกใบนี้ เครื่องเล่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในฤดูร้อนนี้คือ Top Thrill Dragster ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะที่สูงที่สุดและเคลื่อนตัว
ด้วยความเร็วสูงสุดในโลก นั่นหมายถึงเมื่อรถเคลื่อนถึงยอดสูงสุดนั้น คือเหนือพื้นดิน 420 ฟุต และความเร็วสูงสุดคือ 120 ไมล์ต่อชั่วโมง มีทั้งการ
เคลื่อนตัวแบบตกดิ่งลงจากเบื้องสูง และหมุนม้วนแบบควงแต่ผู้ที่ชอบความบันเทิงแบบนุ่มนวลก็มีที่ให้เข้าไปหย่อน ใจ คือสวนสนุกตัวการ์ตูนในชุด
"พีนัทส์" (Peanuts) หรือที่รู้จักกันดีในนามสนู้ปปี้และเพื่อนพ้อง

นอกจากนี้ยังมีสวนน้ำ Soak City สำหรับคนที่ไม่กลัวน้ำ และสวนสนุกประลองความเร็ว Challenge Park ที่มีสนามแข่งโกคาร์ท สนามกอล์ฟเล็ก
และเครื่องเล่น RipCord ที่ผสานความตื่นเต้นของการดิ่งพสุธาและการเล่นเครื่องร่อนเข้าไว้ด้วยกัน ช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดของที่นี่คือ
เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ซีดาร์ พ้อยท์ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2413 ราคาตั๋ว 43.95 ดอลลาร์



2. บุช การ์เด้น (Busch Garden)

เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2502 ตั้งอยู่ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีอีกแห่งที่เมืองวิลเลียมสเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย (เปิดปี
2518) จุดเด่นคือความเป็นสวนสนุกที่ผนวกสวนสัตว์เข้าไว้ด้วย บรรยากาศจึงเน้นความเป็นธรรมชาติ รถไฟเหาะมีทั้งแบบดั้งเดิมที่เรียกเสียงกรี๊ด
พอเบาะๆ และแบบใหม่ที่เพิ่มความหวาดเสียวมากขึ้น สวนสนุก บุช การ์เด้น ที่เมืองแทมปา มีเครื่องเล่น 29 ชนิด เน้นบรรยากาศแบบแอฟริกา มีพื้นที่
จำลองป่าโปร่งที่นักท่องเที่ยวสามารถชมชีวิตความเป็นอยู่ของช้าง แรด ม้าลายและกวาง ที่หากินโดยอิสระอยู่ในพื้นที่กว่า 29 เอเคอร์ แหล่งดึง
ดูดใจใหม่ล่าสุดของสวนสนุกทั้งสองแห่งคือ บ้านผีสิง 4 มิติ (Haunted Lighthouse 4D theater) ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ 3 มิติ ที่มีเอฟเฟกต์พิเศษเพิ่ม
ความสมจริงขึ้นมาอีกมิติ เช่น ลมระเบิดและฝอยน้ำ ที่ฉีดพวยพุ่งออกมาจากเก้าอี้นั่งของผู้ชมทุกๆ ที่นั่งที่วิลเลียมสเบิร์กจะเด่นที่เครื่องเล่นประเภท
รถไฟเหาะ และหมู่บ้านวัฒนธรรม โดยจะแบ่งพื้นที่สวนสนุกเป็นหมู่บ้านยุโรปจำลอง 9 หมู่บ้านเพื่อแสดงภาพวัฒนธรรมพื้นเมืองของอังกฤษ สกอตแลนด์
เยอรมนี และอิตาลีรวมจำนานเครื่องเล่นของที่นี่ก็ประมาณ 50 อย่าง ค่าตั๋ววันสำหรับผู้ใหญ่ 46.99 ดอลลาร์ ตั๋วเด็ก 39.99 ดอลลาร์ ส่วนบุช การ์เด้นท์
ที่เมืองแทมปา ค่าตั๋ววันสำหรับผู้ใหญ่ 51.95 ดอลลาร์ เด็ก 3-9 ขวบ 42.95 ดอลลาร์



และ1. อัลตั้น ทาวเวอร์ (Alton Towers)

สวนสนุกแห่งนี้อยู่ในประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ในเมือง Staffordshire ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง เครื่องเล่นประเภทรถไฟ
เหาะทั้งหลายของอัลตั้น ทาวเวอร์ เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจทั้งผู้ที่ไปเที่ยวแบบครอบครัวและผู้ที่แสวงหาความมันบนความระทึกใจโดยเฉพาะสอง
เครื่องเล่นใหม่ของที่นี่คือ บ้านผีสิงและลานเล่นลูกยางสำหรับเด็กเล็ก ส่วนผู้ที่ชอบความหวาดเสียวบนที่สูงก็ต้องไปลองเครื่องเล่นที่มีชื่อว่า
Black Hole, Submission และ Ripsaw

นอกจากเครื่องเล่นแล้ว ภายในบริเวณอัลตั้น ทาวเวอร์ยังมีโรงแรม 2 แห่ง และภายในโรงแรม 1 ใน 2 แห่งนี้ยังมีสวนสนุกแบบสวนน้ำสไตล์แคริบเบียน
ในร่มอีกด้วยนับเบ็ดเสร็จจำนวนเครื่องเล่นของที่นี่มี 30 อย่างด้วยกัน แต่ละฤดูกาลจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคน และเดือนกรกฎาคมของ
แต่ละปีคือช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเนืองแน่นที่สุด อัลตั้น ทาวเวอร์ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2523 ค่าเข้าชมสำหรับผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไป 26 ปอนด์ 4-11
ขวบ 21 ปอนด์ และต่ำกว่า 4 ขวบเข้าฟรี





ที่มา seedang.com/stories

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

10 สุดยอดสถานที่โรแมนติกที่สุดในโลก

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่คู่รัก จะต้องแสดงออกถึงความรักระหว่างกันและกัน
การแสดงออกในเรื่องความรัก หมายถึง การทำให้ฝ่าตรงข้ามรู้สึกประทับใจ รู้สึกดี รู้สึกผูกพัน รู้สึกว่า
ได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเกิดประโยชน์มากขึ้น วิธีแสดงออกถึงความรัก ที่เป็นที่นิยมอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การ
ได้ใช้เวลาไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันในสถานที่สวยๆ เพื่อเพิ่มความโรแมนติก และกระชับสายสัมพันธ์ให้
แน่นแฟ้นมากขึ้นไปอีก

ต่อไปนี้คือ 10 อันดับสถานที่ ที่ถูกจัดว่า มีความโรแมนติกมากที่สุดในโลก ซึ่งน่าจะหาโอกาสพาคนรัก
ไปเยี่ยมชม สักครั้งหนึ่งในชีวิต


อันดับที่ 10. Colmar ประเทศฝรั่งเศส

เมือง Colmar ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรัก
ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง Colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศ
ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง Colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน



อันดับที่ 9. Paris ประเทศฝรั่งเศส

เมืองปารีส มีสมญานามว่า “สวรรค์แห่งความโรแมนติก” (Heaven of Romantic) ดังที่ สถานที่แห่งนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณและคนรัก
จะสารภาพ “รักนิรันด์” ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมืองปารีส อย่างเช่น พิพิทธภัณฑ์ Le Lovore (พิพิทธภัณฑ์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชม
มากที่สุดในโลก) หอไอเฟล ,โรงแรม Disney Land Resort ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป พิพิทธภัณฑ์ศิลปะ Centre Pompidou และสถานที่สวย
งามอื่นๆ อีกมากมาย
การไปเที่ยวกับคนรักที่ปารีส หากจัดสรรเวลาให้ดี ก็จะคุ้มค่ามาก และสถานที่แห่งนี้ จะเก็บความโรแมนติกอยู่ในใจของคุณไปอีกนานแสนนาน



อันดับที่ 8. Vanice ประเทศอิตาลี

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ที่จะเอ่ยกับคนรักว่า เขาหรือเธอ เป็นคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต Venice ก็คือ คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ! เมือง Venice
มีชื่อเสียงโด่งดังในด้าน สุดยอดสถาปัตยกรรม และยังมีหลายสถานที่โรแมนติก เช่น สะพานเก่าแก่ Ponte dei Sospiri, จตุรัส Piazza San Marco
ที่ได้รับสมณานามว่า “ห้องจิตกรรมของยุโรป” (The - drawing room of Europe) และคลองในตัวเมือง “Canale Grande” ทั้งหมดนี้จะสร้าง
ความโรแมนติก ระดับหรูหรา ให้กับคนรัก และตัวคุณ



อันดับที่ 7. Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี

สถานที่ ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมืองSchlossNeuschwanstein
มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูก
กล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป



อันดับที่ 6. Vienna ประเทศออสเตรีย

เมือง Vienna ในประเทศออสเตรีย เป็นอีกสถานที่ ที่มีคู่รักจากทั่วทุกมุมของโลก แวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงาม สิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ
สุดยอดสถาปัตยกรรม และสุดยอดผลงานเพลง, ศิลปะ และพิพิทธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก พระราชวัง Schoenbrunn,
พระราชวัง Belvedere, พระราชวัง The Hofburg Imperial และพิพิทธภัณฑ์นักจิตวิทยาผู้โด่งดัง Sigmund Freud



อันดับที่ 5. Monte Carlo ประเทศโมนาโค

เมือง Monte Carlo ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โรแมนติก ที่คุณจะได้สื่อความรัก ไปยังคนรักของคุณ เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนของเทือกเขาเอลป์ และเป็น
สถานที่ ที่มีเรื่องราวของความรัก ก่อกำเนิดขึ้นมากมาย สิ่งที่น่าสนใจของเมือง Monte Carlo คือบ่อนคาสิโนเลื่องชื่อ (Monte Carlo Casino)
พิพิทธภัณธ์ทางทะเล, พิพิทธภัณฑ์ประจำชาติ และพระราชวัง Prince



อันดับที่ 4. Prague สาธารณรัฐเช็ก

อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒธรรม
และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง Prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง Mozart และมีชื่อเสียง
ในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รัก สามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน



อันดับที่ 3. New York ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติกในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร
และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น สถานีรถไฟ Grand Central Terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่
Central Park (มีกิจกรรมคอนเสริ์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)



อันดับที่ 2. Cairo ประเทศอียิปต์

เมือง Cario ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสวรรค์บนโลกเช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะสำหรับคู่รัก) ความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวเมือง คือแรง
ดึงดูด ใหคู่รักเดินทางมาใช้เวลาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยกัน และปิรามิด ก็คือสิ่งที่พิเศษที่สุด ท่ามกลางความสยงามในตัวเมือง



อันดับที่ 1. Mauritius Island มหาสมุทรอินเดีย

สถานที่แห่งนี้ ได้รับการกล่าวขานว่า “ปลายทางสุดท้าย ที่โรแมนติกมากที่สุด” (Ultimate Romantic Destination) เกาะ Mauritius มีชื่อเสียง
อย่างมาก ในหมู่คู่รักที่จะมาท่องเที่ยว หรือคู่รักที่จะมาฮันนีมูน ต้นปาล์มมากมาย ที่เคลื่อนที่พริ้วไหว ไปตามสายลม บรรยากาศที่สวยงามตาม
ธรรมชาติ แนวหินปะการัง และท้องทะเลสีฟ้า เป็นส่วนหนึ่ง ในอีกหลายๆ สิ่ง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน




ขอบคุณที่มาโดย www.mydearvalentine.com

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2551

10 สุดยอดโรงแรมชายหาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อโกด้า บริษัทผู้ให้บริการสำรองห้องพักออนไลน์ ได้เปิดเผยรายชื่อ 10 โรงแรมชายหาดชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูท่องเที่ยวที่จะมาถึง รวมทั้งแนะนำทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว
ที่กำลังมองหาสถานที่คลายร้อนอย่างมีสไตล์

10 อันดับสุดยอดโรงแรมชายหาด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอโกด้า มีดังนี้..



10. Furama Resort, ดานัง, เวียดนาม

ชายหาด ความยาว 25 กิโลเมตรจากฮอยอันถึงดานัง แถบชายฝั่งภาคกลางของเวียดนาม คือ หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ
โดยรู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า China Beach และ Furama Resort เป็นโรงแรมหรูชั้นหนึ่งแห่งแรกที่สร้างขึ้นบนชายฝั่งที่ยังคงความเป็น
ธรรมชาตินี้ การออกแบบได้ผสมผสานสไตล์แบบเวียดนามเข้ากับสถาปัตยกรรมเขตร้อน ที่สำคัญ พนักงานที่นี่มีไมตรีจิตและความเป็นมิตร



9. Berjaya Redang Beach Resort, ตรังกานู มาเลเซีย

มาเลเซียมักจะถูกแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการโฆษณาอย่างสูงของไทย และอินโดนีเซียแย่งชิงลูกค้า ทั้งที่ดินแดนแห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วย
สถานที่สวยงามมากมาย เกาะเรดัง ก็เป็น หนึ่งในนั้น ผู้เข้าพักของ Berjaya Redang Beach Resort จะได้พบกับชายหาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
ของประเทศ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ปะการังและปลาเขตร้อน



8. Zeavola Hotel, เกาะพีพี ประเทศไทย

พีพี คือ เกาะชื่อดังที่นักท่องเที่ยวนิยมชมชอบที่จะมาเยี่ยมเยือน ชายหาดที่นี่สวยงามแบบเรียบง่ายด้วยหาดทรายขาวและท้องทะเลใส
โรงแรมบูติค Zeavola ให้บริการแก่ผู้เข้าพักบนแดนสวรรค์แห่งนี้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา ซึ่งซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสเน่ห์ของ
บรรยากาศชนบท ความสะดวกสบายอันเป็นเอกลักษณ์บนชายฝั่งที่เงียบสงบ จะทำให้คู่รักดื่มด่ำกับความเป็นส่วนตัวและธรรมชาติที่ชุ่มฉ่ำ



7. The Empire Hotel and Country Club, บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม

The Empire Hotel ให้นิยามใหม่ของคำว่าสถานที่พักอันหรูหรา โรงแรมแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ขนาดยักษ์ 162 เฮกเตอร์ของสวนเขตร้อน
มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมสรรพและน่าประทับใจ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลยาวอันงดงาม



6. Sanur Beach Hotel, บาหลี อินโดนีเซีย

ชายหาด Sanur เปรียบดั่งอัญมณีที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีของบาหลี แม้จะไม่โด่งดังเท่าชายหาดโต้คลื่นอย่าง Kuta Nusa Dua และ
Seminyak แต่ผู้เข้าพักที่โรงแรมนี้ จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวประมงบาหลี และทะเลสะอาดที่อุดมไปด้วยปลาหลากสีสัน



5.Shangri-La Mactan Island Resort, เซบู ฟิลิปปินส์

โรงแรม Shangri-La คือ สวรรค์ในเมืองเซบู บนเกาะมัคทัน ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับวิวในมุมกว้างของทะเล Visayan รวมถึงหมู่เกาะที่ห่าง
ไกล เมื่อรวมเข้ากับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย การตกแต่งภายในที่หรูหรา และมาตรฐานบริการระดับสูงแล้ว ยิ่งทำให้รีสอร์ทชายหาด
ในฟิลิปปินส์แห่งนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น



4. Le Meridien Khao Lak Beach Resort & Spa, เขาหลัก ประเทศไทย

แม้จะไม่เป็นที่นิยมเท่าเกาะข้างเคียงที่ครา คร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต แต่เขาหลักซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของไทยก็มี
บรรยากาศอันเงียบสงบ และภูมิประเทศที่มหัศจรรย์มาทดแทน นอกเหนือจากบริการที่น่าประทับใจแล้ว โรงแรม The Le Meridien Khao
Lak Beach Resort & Spa ยังสะดวกต่อการเดินทาง ผู้เข้าพักสามารถพายเรือไปเที่ยวชมอ่าวพังงาที่โด่งดัง และเดินทางจากสนามบิน
มายังเขาหลักด้วยรถ นี่จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมชายหาด



3. Sokha Beach Hotel, สีหนุวิลล์ กัมพูชา

ชายฝั่งสีหนุวิลล์เปรียบได้กับสมบัติที่ยังไม่ ถูกค้นพบของโรบินสัน ครูโซ่ โดยตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปสู่อ่าวไทย และมีโรงแรม Sokha
Beach เป็นจุดขาย โรงแรมแห่งนี้อุดมไปด้วยทัศนียภาพที่น่าหลงใหล รวมไปถึงการต้อนรับอันอบอุ่นของชาวกัมพูชาและวัฒนธรรมที่ล้ำลึก



2. Pandanus Hotel, ฟานเถียต เวียดนาม

Pandanus Hotel ได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในจังหวัดฟานเถียต ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่น่าดึงดูดใจที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
รีสอร์ทแห่งนี้สร้างขึ้นภายในสวนเขตร้อนกว้าง 10 เฮกเตอร์ พร้อมกับชายหาดส่วนตัวซึ่งอยู่ใกล้กับเนินทรายแดงและผา Mui Ne อันโด่งดัง
ผู้เข้าพักจะได้รับการบริการชั้นยอดจากเจ้าหน้าที่ผู้เป็นมิตร และด้วยทิวทัศน์ของทะเล บวกกับค็อคเทลรสเลิศในมือคุณ อะไรจะดีเยี่ยมไปกว่านี้
อีกล่ะ?



1. Centara Grand Beach Resort and Villas, กระบี่ ประเทศไทย

ด้วยสถานที่ตั้งอันโอ่อ่า หันหน้าเข้าหาชายหาด Ao Nang ในอ่าว Pai Plong โดยมีหน้าผาหินสูงเป็นฉากหลัง โรงแรม Centara Grand Beach
Resort and Villas มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราและทิวทัศน์อันงดงามตื่นตาไว้คอยต้อนรับผู้ เข้าพัก ยิ่งไปกว่านั้น การเดินทางสู่รีสอร์ทแห่ง
นี้ก็สะดวกสบาย เพียงโดยสารเครื่องบินมาลงที่กระบี่ จากนั้น ล่องเรือสู่ชายฝั่งที่เงียบสงบของอ่าวนาง

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

10 สุดยอดโรงแรมหรูของโลก

อันดับ 10 The Apeiron โรงแรมเกาะกลางทะเล

โรงแรม Apeiron island จัดเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาว มีพื้นที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร ตั้งอยู่บนความสูง 185 เมตร มีห้องพักระดับหรูหรา
มากกว่า 350 ห้อง ทุกอย่างที่อยู่ในโรงแรมนี้คือคำนิยามของความไฮเทคที่มีระดับ มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เพราะตัวโรงแรมสร้างลากูนขึ้น
กลางน้ำเป็นของตัวเอง รวมถึงหาดทรายกลางทะเล ภัตตาคารสุดหรู โรงหนัง แหล่งชอปปิ้ง แกลลอรี่ศิลปะ สปาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำให้การ
ประชุมทางไกลกับโลกพื้นดินทำได้โดยสะดวก แม้ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับ 10 แต่ก็ยังไม่ถูกสร้างเสียที



อันดับ 9 Foldable hotel pods โรงแรมลอยน้ำ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการออกแบบของอังกฤษรายนี้ได้เผยโฉมต้นแบบโรงแรมยักษ์ใหญ่กลางทะเลแห่งนี้ขึ้นมาในงาน ?
Future Holiday Forum โดยชี้ให้เห็นว่าด้วยเทคโนโลยีการเดินทางสมัยใหม่บวกกับการออกแบบชั้นยอด ทำให้โรงแรมชั้นเยี่ยมสมัยใหม่
สามารถไปตั้งอยู่กลางทะเลที่ไหนก็ได้ที่บรรดาแขกอยากไป และอยู่ได้เป็นเวลานานๆ



อันดับ 8 โรงแรม Burj al-Arab เมื่อตะวันออกพบตะวันตก ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์

โรงแรมนี้จัดว่าขึ้นชื่อระดับโลก เพราะก่อสร้างและเปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นโรงแรมระดับ 7 ดาวแห่งแรกของโลก ความสูงของโรงแรม
อยู่ที่ 321 เมตร ตัวโรงแรมนั้นถูกออกแบบมาให้เป็นเหมือนใบพัดเรือ บนพื้นที่ที่เป็นเหมือนเกาะอยู่ห่างจากหาด Jumeirah ประมาณ 280 เมตร
ความสุดยอดของโรงแรมนี้อีกอย่างหนึ่งคือการเป็นเอเทรียมที่สูงที่สุดในโลก คือสูงถึง 180 เมตร มีห้องพักกว่า 200 ห้องที่ไม่ซ้ำกันเลย ด้วย
ราคาระหว่าง 1,000 ไปจนถึงมากกว่า 28,000 เหรียญสหรัฐต่อคืน ในตัวโรงแรมมีภัตตาคาร 8 แห่ง แต่ละแห่งมีทั้งบาร์และเลาจ์ ฟิตเนส และ
สิ่งอำนวยความสะดวก



อันดับ 7 Waterworld โรงแรมกลางน้ำตกยักษ์ ประเทศจีน

แค่เห็นดีไซน์ก็รู้แล้วว่านี่มันเป็นโรงแรมแห่งความฝันชัดๆ เพราะตัวโรงแรมเหมือนฝังไปกับน้ำตกแห่งหนึ่งในเมืองจีน ตัวโรงแรมนี้ออกแบบ
ให้มีห้องพัก 400 ห้อง ที่สำคัญห้องอยู่ใต้น้ำตก ลูกเล่นที่เป็นทีเด็ดก็คือ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมบริเวณอ่าวของ
โรงแรม ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำที่หรูสุดๆ หน้าผาระดับพระเจ้าให้ปีนไต่ และบันจี้จั๊มพ์ รวมถึงลูกเล่นอื่นๆ และโรงแรมนี้จะมีโอกาสสร้างก็ต่อ
เมื่อผ่านเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้วเท่านั้น



อันดับ 6 The Poseidon รีสอร์ทใต้ทะเล

ด้วยพื้นที่ใต้น้ำลึกกว่า 1,200 ตารางฟุตแห่งนี้เป็นรีสอร์ทที่ถูกจับตามากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เพราะเป็นรีสอร์ทใต้น้ำแห่งแรกของโลกที่จะสร้าง
เสร็จภายในปี2009 มีห้องพักสุดหรูขนาด ใหญ่ึถึง 550 ตารางฟุต และนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยียนรีสอร์ทแห่งนี้ สามารถใช้บริการขับเรือดำน้ำ
สามารถดำดิ่งไปดูปะการังน้ำลึก ดำน้ำแบบสกูบ้า กีฬาทางน้ำทุกชนิดเท่าที่นึกได้ แล่นเรือใบพารา สำรวจถ้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย



อันดับ 5 The Hydropolis : โรงแรมใต้น้ำระดับ 10 ดาว

เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อาศัยทะเลเป็นฉากหลังอันตระการตาให้กับผู้มาพัก ตัวโรงแรมคาดหมายว่าจะสร้างกันที่ดูไบ โดยเฉพาะตัวโรงแรมนั้น
ได้ใส่ศูนย์การค้าขนาดยักษ์ที่มีพื้นที่กว่า 1.1 ล้านตารางฟุตเข้าไปด้วย ในตัวโรงแรมยังมีห้องบอลรูมขนาดยักษ์ มีโรงภาพยนต์ดิจิตอลไฮเทค
สุดอลังการ และที่เจ๋งสุดๆ ก็คือมีระบบป้องกันตัวเองด้วยจรวดมิสไซล์ที่อยู่ต่ำกว่าน้ำทะเลลงไป 60 ฟิต ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสนุกกับเครื่อง
เล่นมากมายในสถานที่ที่เป็น ธีมต่างๆ กว่า 220 แห่ง ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการนี้มี 150 บริษัทที่กระโดดเข้ามาร่วมแย่งชิงกันอยู่ และกว่า
จะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ได้ดำเนินโครงการก็ประมาณปลายปีนี้



อันดับ 4 The Lunatic Hotel : โรงแรมบนดวงจันทร์

เปลี่ยนบรรยากาศไปที่โรงแรมบนดวงจันทร์กันบ้างดีกว่า และโครงการนี้ไม่ถือว่าโคมลอยแต่อย่างใด โอกาสที่จะเป็นจริงมีมากเหลือเกินซึ่ง
ถ้าเปิดให้บริการเมื่อไหร่คงต้องเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกแน่นอน ถือว่านี่เป็นอีกความฝันของปี 2050 ที่ต้องไปให้ถึงเลยทีเดียว(อีกไม่กี่ปีเอง)



อันดับ 3 Aeroscraft : โรงแรมบินสุดหรูสำหรับวันพรุ่งนี้

สำหรับโครงการ Aeroscraft บอลลูนยักษ์ลอยฟ้าที่อัดแน่นด้วยพลังงานกว่า 400 ตัน ทำให้สามารถนำพาผู้โดยสารเหินไปกลางอากาศด้วย
ความเป็นอยู่ที่หรูหราสุดยอด ที่มีพื้นที่เท่ากับสนามฟุตบอลสองสนามลอยอยู่บนอากาศด้วยก๊าซฮีเลียมจำนวน 14ล้านลูกบาศก์ฟุต ตามติด
ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดยักษ์และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน มีพัดลมขนาดยักษ์ 6 ตัว สามารถนำผู้โดยสารไปได้ประมาณ 250 คน ด้วย
ความเร็ว 174 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่ความสูง 6,000 ไมล์ ในตัวโรงแรมจะมีคาสิโน ภัตตาคาร ฯลฯ



อันดับ 2 Galactic Suite โรงแรมอวกาศ

จากความพยายามของ Xavier Claramunt ที่ต้องการผจญภัยในอวกาศด้วยยานขนส่ง ซึ่งตัวยานนั้นออกแบบมาให้มีห้องพัก 22ห้อง ขนาด
7x4 เมตร พร้อมหน้าต่างที่เปิดให้เห็นวิวอวกาศ และสิ่งอำนวยความสะดวก คราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งนาซา หรือรัสเซียในการจ่ายเงินที่แพง
มากในการขึ้นไปเที่ยวรอบโลกด้วยยานอวกาศเหมือนที่ผ่านมา ตอนนี้เครื่องต้นแบบสร้างเสร็จแล้ว และอยู่ในระหว่างรอนักลงทุนกระเป๋าหนัก
ที่มองเห็นอนาคตกระโดดเข้ามาลงทุนเท่านั้นเอง



และอันดับ 1 Bigelow Aerospace, Las Vegas

เครื่องเดินอากาศ หรือ CSS Skywalker โรงแรมท่องบรรยากาศนอกโลก แต่ยังอยู่ในวงโคจรโลก เหมือนกับเป็นดาวเทียมขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง
นั่นเอง ด้วยพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร และขนาดที่ใหญ่ถึง 1 แสนกิโลกรัม มีโครงสร้างของยานที่หนากว่า 18 นิ้ว ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $1 ล้านต่อคืน